งบการเงิน (Financial Statement) หมายถึง รายงานทางการเงินที่แสดงฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของกิจการ ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ วันสิ้นงวดบัญชี อาจจะเป็นระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี
ส่วนประกอบของงบการเงินที่สมบูรณ์ ควรประกอบด้วย
1. งบดุล (Balance Sheet)
2.งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement)
3.งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเจ้าของ (Statement of changes in owner’s equity)
4.งบกระแสเงินสด ( Cash Flow statement)
5.หมายเหตุประกอบเงินการเงิน (Note to Financial Statement)
1) งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement) หมายถึง งบที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการว่ามีผลกำไร หรือ ขาดทุนสุทธิเท่าใดประกอบด้วยรายละเอียดของรายได้และค่าใช้จ่าย
2) งบดุล (Balance Sheet) หมายถึง งบที่แสดงฐานะทางการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งประกอบด้วยรายละเอียด ของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ(ทุน)
รูปแบบของงบกำไรขาดทุนและงบดุล
1) รูปแบบของงบกำไรขาดทุน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
(1) แบบรายงาน (Report Form) รายการแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่หนึ่ง
เป็นส่วนของรายได้ ตอนที่สองเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย และตอนที่สามคือกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
(2) แบบบัญชี (Account Form) เป็นแบบที่แสดงรายการแบบตัว T ในภาษาอังกฤษ โดยแบ่งออกเป็นสองด้าน คือ ด้านซ้ายมือ (เดบิต) บันทึกรายการเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ด้านขวามือ (เครดิต) บันทึกรายการเกี่ยวกับรายได้
2) รูปแบบของงบดุล คือ แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
(1) แบบรายงาน (Report Form) จะแสดงรายการเรียงกันตามลำดับของหมวดบัญชี คือ หมวดสินทรัพย์ หมวดหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ผลรวมของหมวดสินทรัพย์จะต้องเท่ากับผลรวมของหมวดหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
(2) แบบบัญชี (Account form) จะแสดงรายการบัญชีหมวดสินทรัพย์ทางด้านซ้ายมือ (เดบิต) หนี้สินและส่วนของเจ้าของ จะแสดงรายการด้านขวามือ (เครดิต) และผลรวมด้าน เดบิต จะต้องเท่ากับด้านเครดิต
ส่วนประกอบของงบการเงินที่สมบูรณ์ ควรประกอบด้วย
1. งบดุล (Balance Sheet)
2.งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement)
3.งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเจ้าของ (Statement of changes in owner’s equity)
4.งบกระแสเงินสด ( Cash Flow statement)
5.หมายเหตุประกอบเงินการเงิน (Note to Financial Statement)
1) งบกำไรขาดทุน (Profit and Loss Statement) หมายถึง งบที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการว่ามีผลกำไร หรือ ขาดทุนสุทธิเท่าใดประกอบด้วยรายละเอียดของรายได้และค่าใช้จ่าย
2) งบดุล (Balance Sheet) หมายถึง งบที่แสดงฐานะทางการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งประกอบด้วยรายละเอียด ของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ(ทุน)
รูปแบบของงบกำไรขาดทุนและงบดุล
1) รูปแบบของงบกำไรขาดทุน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
(1) แบบรายงาน (Report Form) รายการแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่หนึ่ง
เป็นส่วนของรายได้ ตอนที่สองเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย และตอนที่สามคือกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
(2) แบบบัญชี (Account Form) เป็นแบบที่แสดงรายการแบบตัว T ในภาษาอังกฤษ โดยแบ่งออกเป็นสองด้าน คือ ด้านซ้ายมือ (เดบิต) บันทึกรายการเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ด้านขวามือ (เครดิต) บันทึกรายการเกี่ยวกับรายได้
2) รูปแบบของงบดุล คือ แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
(1) แบบรายงาน (Report Form) จะแสดงรายการเรียงกันตามลำดับของหมวดบัญชี คือ หมวดสินทรัพย์ หมวดหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ผลรวมของหมวดสินทรัพย์จะต้องเท่ากับผลรวมของหมวดหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
(2) แบบบัญชี (Account form) จะแสดงรายการบัญชีหมวดสินทรัพย์ทางด้านซ้ายมือ (เดบิต) หนี้สินและส่วนของเจ้าของ จะแสดงรายการด้านขวามือ (เครดิต) และผลรวมด้าน เดบิต จะต้องเท่ากับด้านเครดิต
การจัดทำงบกำไรขาดทุนแบบรายงานและแบบบัญชี
1. การทำงบกำไรขาดทุนแบบรายงาน
1. ส่วนหัวงบ มี 3 บรรทัด คือ
บรรทัดที่ 1 เขียน “ชื่อกิจการ”
บรรทัดที่ 2 เขียนคำว่า “งบกำไรขาดทุน”
บรรทัดที่ 3 เขียนระยะเวลาที่จัดทำงบกำไรขาดทุน
2. เขียนคำว่า “รายได้” ทางด้านซ้ายมือแล้วนำบัญชีรายได้หลักและรายได้อื่น ๆ ของกิจการมาลงรายการโดยเขียน เยื้องไปทางขวามือเล็กน้อย และเขียนจำนวนเงินทางขวามือแล้วรวมยอดรายได้ทั้งหมด
3. เขียนคำว่า “ค่าใช้จ่าย” ทางซ้ายมือให้ตรงกับรายได้ และนำบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขียนเยื้องไปทาง ขวามือเล็กน้อย พร้อมเขียนจำนวนเงินทางขวามือแล้วรวมยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด
4. หาผลต่างระหว่างยอดรวมรายได้ และยอดรวมค่าใช้จ่าย ถ้ายอดรวมรายได้มากกว่ายอดรวมค่าใช้จ่าย ผลต่างคือ กำไรสุทธิ ถ้ายอดรวมค่าใช้จ่ายมากกว่ายอดรวมรายได้ผลต่างคือขาดทุนสุทธิ
2. การทำงบกำไรขาดทุนแบบบัญชี
1. เขียนส่วนหัวงบ 3 บรรทัด
2. ลงรายการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางด้านซ้ายมือเรียงลงมาตามลำดับ และลงรายการเกี่ยวกับรายได้ทางด้านขวามือ เรียงลงมาตามลำดับ
3. รวมยอดรายได้ เขียนกำไรสุทธิทางด้านเดบิต ส่วนขาดทุนสุทธิเขียนทางด้านเครดิต
ประโยชน์ของการทำงบการเงิน
1. เป็นหลักฐานในการบันทึกรายการเปิดบัญชี เมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีใหม่
2. เป็นเอกสารรายงานต่อทางราชการ และยังเป็นเอกสารใช้ประกอบการกู้ยืมเงินจากสถาบัน การเงินได้
3. ทำให้ทราบผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกิจการค้าได้
1. การทำงบกำไรขาดทุนแบบรายงาน
1. ส่วนหัวงบ มี 3 บรรทัด คือ
บรรทัดที่ 1 เขียน “ชื่อกิจการ”
บรรทัดที่ 2 เขียนคำว่า “งบกำไรขาดทุน”
บรรทัดที่ 3 เขียนระยะเวลาที่จัดทำงบกำไรขาดทุน
2. เขียนคำว่า “รายได้” ทางด้านซ้ายมือแล้วนำบัญชีรายได้หลักและรายได้อื่น ๆ ของกิจการมาลงรายการโดยเขียน เยื้องไปทางขวามือเล็กน้อย และเขียนจำนวนเงินทางขวามือแล้วรวมยอดรายได้ทั้งหมด
3. เขียนคำว่า “ค่าใช้จ่าย” ทางซ้ายมือให้ตรงกับรายได้ และนำบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขียนเยื้องไปทาง ขวามือเล็กน้อย พร้อมเขียนจำนวนเงินทางขวามือแล้วรวมยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด
4. หาผลต่างระหว่างยอดรวมรายได้ และยอดรวมค่าใช้จ่าย ถ้ายอดรวมรายได้มากกว่ายอดรวมค่าใช้จ่าย ผลต่างคือ กำไรสุทธิ ถ้ายอดรวมค่าใช้จ่ายมากกว่ายอดรวมรายได้ผลต่างคือขาดทุนสุทธิ
2. การทำงบกำไรขาดทุนแบบบัญชี
1. เขียนส่วนหัวงบ 3 บรรทัด
2. ลงรายการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางด้านซ้ายมือเรียงลงมาตามลำดับ และลงรายการเกี่ยวกับรายได้ทางด้านขวามือ เรียงลงมาตามลำดับ
3. รวมยอดรายได้ เขียนกำไรสุทธิทางด้านเดบิต ส่วนขาดทุนสุทธิเขียนทางด้านเครดิต
ประโยชน์ของการทำงบการเงิน
1. เป็นหลักฐานในการบันทึกรายการเปิดบัญชี เมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีใหม่
2. เป็นเอกสารรายงานต่อทางราชการ และยังเป็นเอกสารใช้ประกอบการกู้ยืมเงินจากสถาบัน การเงินได้
3. ทำให้ทราบผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกิจการค้าได้